วงจรขนาน
เป็นการนำเอาต้นของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกๆ ตัวมาต่อรวมกัน และต่อเข้ากับแหล่งกำเนิดที่จุดหนึ่ง นำปลายสายของทุกๆ ตัวมาต่อรวมกันและนำไปต่อกับแหล่งกำเนิดอีกจุดหนึ่งที่เหลือ ซึ่งเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละอันต่อเรียบร้อยแล้วจะกลายเป็นวงจรย่อย กระแสไฟฟ้าที่ไหลจะสามารถไหลได้หลายทางขึ้นอยู่กับตัวของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำมาต่อขนานกัน ถ้าเกิดในวงจรมีเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวหนึ่งขาดหรือเปิดวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เหลือก็ยังสามารถทำงานได้ ในบ้านเรือนที่อยู่อาศัยปัจจุบันจะเป็นการต่อวงจรแบบนี้ทั้งสิ้น
คุณสมบัติที่สำคัญของวงจรขนาน
1. กระแสไฟฟ้ารวมของวงจรขนาน จะมีค่าเท่ากับกระแสไฟฟ้าย่อยที่ไหลในแต่ละสาขาของวงจรรวมกัน
2. แรงดันไฟฟ้าตกคร่อมส่วนต่างๆ ของวงจร จะเท่ากับแรงดันไฟฟ้าที่แหล่งกำเนิด
3. ความต้านทานรวมของวงจร จะมีค่าน้อยกว่าความต้านทานตัวที่น้อยที่สุดที่ต่ออยู่ในวงจร
ความรู้เกี่ยวกับการต่อหลอดไฟฟ้าเข้ากับวงจรไฟฟ้าในบ้าน
การต่อแบบอนุกรม
ถ้าไส้หลอด A หรือ B หรือ C ขาด จะไม่ครบวงจร หลอดไฟฟ้าที่เหลือจะดับ
2. หลอดไฟฟ้า A หรือ B หรือ C สว่างเท่ากัน แต่สว่างน้อยกว่าแบบขนาน
การต่อแบบขนาน
ถ้าไส้หลอด A ขาด หลอด B และ C ยังครบวงจร จึงยังคงสว่างอยู่ หรือถ้าไส้หลอด B ขาด หลอด A และ C ยังคงสว่างอยู่
2.
V เท่า
1. ถ้าไส้หลอด A ขาด หลอด B และ C ยังครบวงจร จึงยังคงสว่างอยู่ หรือถ้าไส้หลอด B ขาด หลอด A และ C ยังคงสว่างอยู่
2. หลอดไฟ A B และ C สว่างเท่ากันถ้าหลอดขนาดเท่ากัน สว่างมากกว่าต่อแบบอนุกรม
การต่อหลอดไฟ
การต่อหลอดไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าควรต่อแบบขนาน เนื่องจากมีข้อดีดังนี้
1. เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละอย่างได้รับความต่างศักย์เท่ากันทั้งหมดตรงตามที่กำหนดไว้ทีเครื่องใช้ไฟฟ้า
2. สามารถปิด – เปิดสวิตช์เฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น
3. ความต้านทานในวงจรน้อย กระแสไฟฟ้าจึงไหลผ่านได้มาก
การต่อวงจรไฟฟ่าแบบขนาน
เราจะพบเห็นการนำเอาวิธีการต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนานไปใช้ในการต่อเป็นไฟประดับตามสถานที่ต่าง ๆ โดยจะมีการต่อวงจรไฟฟ้าในสองลักษณะ คือ วงจรอนุกรม และวงจรผสม มารวมให้เป็นวงจรเดียวกัน ซึ่งสามารถแบ่งตามลักษณะของการต่อได้ 2 ลักษณะดังนี้
1. วงจรผสมแบบอนุกรม-ขนาน เป็นการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโหลดไปต่อกันอย่างอนุกรมก่อน แล้วจึงนำไปต่อกันแบบขนานอีกครั้งหนึ่ง
2. วงจรผสมแบบขนาน-อนุกรม เป็นการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโหลดไปต่อกันอย่างขนานก่อน แล้วจึงนำไปต่อกันแบบอนุกรมอีกครั้งหนึ่ง
- ชุดการต่อหลอดไฟแบบอนุกรม-ขนาน
- วอ ลิ ก
- 320 พระราม 5
- การ ต่อ หลอด ไฟฟ้า แบบ อนุกรม และ แบบ ขนาน อนุกรม
วงจรผสม
ง. ไม่แน่นอน
3. การต่อวงจรที่ทำให้โหลดมีค่าความต้านทาน
ลดลงคือข้อใด
ก. ไม่แน่นอน
ข. วงจรผสม
ค. วงจรอนุกรม
ง. วงจรขนาน
4. วิธีการต่อโหลดหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายๆตัวเรียงลำดับกันไปเป็นการต่อวงจรแบบใด
ก. ขนาน
ข. อนุกรม
ค. ผสม
5. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของวงจรไฟฟ้า
ก. แหล่งจ่ายไฟ
ข. โหลดหรือภาระทางไฟฟ้า
ค. ลวดตัวนำ
ง. แผงวงจร
6. วงจรไฟฟ้าใดที่ต่อโหลดคร่อมขนานกันทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้มากกว่าหนึ่งทาง
7. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวต้านทานทุกตัวในวงจรไฟฟ้าอนุกรมมีค่าเท่ากัน
ข. วงจรไฟฟ้าแบบขนาน กระแสไฟฟ้ารวมมีค่าเท่ากับผลรวมของค่ากระแสที่ไหลผ่านตัวต้านทานแต่ละตัว
ค. วงจรไฟฟ้าที่ต่อโหลดคร่อมขนานกันทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้เพียงหนึ่งทาง
ง. เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ใช่องค์ประกอบที่สำคัญของวงจรไฟฟ้า. 8. ข้อใดคือลักษณะคุณสมบัติของวงจรอนุกรม
ก. แรงดันไฟฟ้าตกคร่อมตัวต้านทานแต่ละตัวมีค่าเท่ากัน
ข. กระแสไฟฟ้ารวมมีค่าเท่ากับผลรวมของ
ค่ากระแสที่ไหลผ่านตัวต้านทานแต่ละตัว
ค. ระบบไฟฟ้า เป็นงานระบบที่มีความสำคัญมากในชีวิตประจำวัน เป็นระบบงานพื้นฐานที่เหล่าช่างติดตั้งงานระบบอื่นจำเป็นจะต้องมีความรู้ เพราะในบทความนี้จึงขอนำเสนอเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเรื่อง วงจรในระบบไฟฟ้า ว่าใน การติดตั้งระบบไฟฟ้า มีรูปแบบ การต่อวงจรไฟฟ้า แบบใดบ้าง และในแต่ละแบบมีข้อดีหรือคุณสมบัติพิเศษอย่างไรบ้าง การต่อวงจรไฟฟ้า ตามปกติ วงจรไฟฟ้า ใด ๆ จะมีความเปลี่ยนแปลงและคุณสมบัติต่อกระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้าแตกต่างกันไป ตามแต่ วิธีการต่อวงจรนั้น ๆ และตามการเปลี่ยนแปลงตัวต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้านั้นด้วย ซึ่งเรามีวิธีการต่อวงจรไฟฟ้าได้ 3 แบบ คือ 1.
สืบค้นข้อมูลวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย วงจรปิด
และวงจรเปิด
2. สังเกตการเปรียบเทียบการต่อหลอดไฟฟ้า
แบบอนุกรมและแบบขนาน
3. สังเกตการเปรียบเทียบการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบ
อนุกรมและแบบขนาน
4. สืบค้นข้อมูลวงจรไฟฟ้าในบ้าน
5. สืบค้นข้อมูลตัวนำไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า
6. สังเกตทดสอบการนำไฟฟ้า
7. สังเกตการประดิษฐ์แม่เหล็กไฟฟ้า
8. ทดลองแรงแม่เหล็กไฟฟ้ากับจำนวนรอบของ
ขดลวด
9. สืบค้นข้อมูลการใช้แม่เหล็กไฟฟ้า